ประเทศอินโดนีเซีย

ความเป็นมาของประเทศอินโดนีเซีย
อินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Indonesia) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Republik Indonesia) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ระหว่างคาบสมุทรอินโดจีนและทวีปออสเตรเลีย และระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียวหรือกาลีมันตัน (Kalimantan), ประเทศปาปัวนิวกินีบนเกาะนิวกินีหรืออีรียัน (Papua) และประเทศติมอร์-เลสเตบนเกาะติมอร์ ประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ออสเตรเลีย, ปาเลา, และอินเดีย (หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์) อินโดนีเซียยังเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 14 ของโลกด้วยพื้นที่ 1,904,569 ตารางกิโลเมตร (735,358 ตารางไมล์) และมีประชากรราว 280 ล้านคน[11] ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 4 ของโลก โดยกว่าครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเกาะชวา[12] และยังเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก[13][14][15]
อินโดนีเซียเป็นสาธารณรัฐที่มีรัฐธรรมนูญซึ่งมีสภานิติบัญญัติมาจากการเลือกตั้ง และมีทั้งสิ้น 38 จังหวัด โดย 9 จังหวัดมีสถานะพิเศษ กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากที่สุดอันดับสองของโลก[16][17] อินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มีพื้นที่ป่าไม้ที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก[18] และยังเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะมากที่สุดในโลก[19] (ประมาณ 17,000 เกาะ)
หมู่เกาะทั้งหมดเป็นดินแดนการค้าหลักในภูมิภาคมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 เริ่มต้นตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัยมาจนถึงอาณาจักรมัชปาหิตซึ่งทำการค้ากับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และพ่อค้าจากอนุทวีปอินเดีย ส่งผลให้ประชากรท้องถิ่นค่อย ๆ ซึมซับอิทธิพลจากต่างประเทศตั้งแต่ศตวรรษแรก ๆ และได้มีการแผ่ขยายของศาสนาฮินดูและพุทธศาสนาจนเกิดความเจริญรุ่งเรือง ต่อมา พ่อค้านิกายซุนนีและลัทธิศูฟีได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่และได้มีอิทธิพลต่อคนในสังคมจนกลายเป็นศาสนาหลักมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่เข้าสู่สังคมโดยนักสำรวจชาวยุโรป ชาวดัตช์ถือเป็นมหาอำนาจหลักที่ยึดครองดินแดนแห่งนี้ตลอด 350 ปี[20][21] แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับการรุกรานจาก โปรตุเกส อังกฤษ และ ฝรั่งเศสแนวความคิดการสร้างชาติ และการปลดแอกตนเองของชาวอินโดนีเซียในฐานะรัฐชาติได้ปรากฏขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และจบลงด้วยการประกาศอิสรภาพใน ค.ศ. 1945 ตามด้วยการประกาศรับรองอธิปไตยอย่างเป็นทางการจากเนเธอร์แลนด์ใน ค.ศ. 1949 ภายหลังจากความขัดแย้งทางการทหารและการทูตระหว่างสองประเทศ[22] ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่าน อินโดนีเซียต้องเผชิญเหตุการณ์มากมาย อาทิ การทุจริตในประเทศ ความขัดแย้งทางการเมือง การแบ่งแยกดินแดน ภัยธรรมชาติ และความผันผวนของเศรษฐกิจ
อินโดนีเซียประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์และภาษาพื้นเมืองหลายร้อยกลุ่ม โดยชาวชวาเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด และยังมีพหุนิยมทางศาสนา[23][24] ตามคำขวัญที่ว่า "Bhinneka Tunggal Ika"[25] ("Unity in Diversity" ซึ่งหมายถึง "เอกภาพท่ามกลางความหลากหลาย")[26] ซึ่งกำหนดโดยภาษาประจำชาติ เศรษฐกิจของอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 16 ของโลกโดยวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และอันดับ 7 ของโลกโดยวัดจากภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ อินโดนีเซียยังถือเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[27] และเป็นประเทศอำนาจปานกลางของโลก และยังเป็นสมาชิกขององค์กรพหุภาคีหลายแห่ง รวมถึงองค์การสหประชาชาติ, องค์การการค้าโลก, กลุ่ม 20, ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด, สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และองค์การความร่วมมืออิสลา
1.การแต่งการของประเทศอินโดนีเซีย

การแต่งกายของอินโดนีเซียมีความหลากหลายตามวัฒนธรรมและภูมิภาค โดยมี เกบาย่า (Kebaya) เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของผู้หญิง และ ผ้าบาติก เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ. ส่วนผู้ชายมักสวมเสื้อบาติกและกางเกงขายาวหรือเตลุก เบสคาพ.
ลักษณะการแต่งกายโดยทั่วไป:
ผู้หญิง: สวม เกบาย่า ซึ่งเป็นเสื้อแขนยาว ผ่าหน้า กลัดกระดุม และมักมีลวดลายปักฉลุลูกไม้ สีสันสดใส มักจับคู่กับ ผ้าถุงแบบบาติก หรือที่เรียกว่า "ปาเต๊ะ" โดยมีผ้าคล้องคอและสวมรองเท้า.
ผู้ชาย: สวมเสื้อแบบ บาติก ซึ่งอาจมีหลากหลายรูปแบบ และนุ่งกางเกงขายาว หรือ เตลุก เบสคาพ. ในโอกาสพิเศษอาจมีการเหน็บกริชด้วย.
เอกลักษณ์อื่นๆ และการแต่งกายตามภูมิภาค:
ผ้าบาติก เป็นผ้าพื้นเมืองที่มีวิธีการทำโดยใช้เทียนปิดส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสี แล้วย้อมในส่วนที่ต้องการให้ติดสี เป็นที่นิยมใช้เป็นเครื่องแต่งกายของหนุ่มสาวทั้งชายและหญิง.
นอกจากเกบาย่าและบาติกแล้ว อินโดนีเซียยังมีเครื่องแต่งกายพื้นเมืองเฉพาะของแต่ละภูมิภาค เช่น Ulos ของ Batak จากสุมาตราเหนือ, Songket ของมลายูและ Minangkabau จากสุมาตรา, และ Ikat ของ Sasak จากลอมบอก.
เกบาย่าในแต่ละภูมิภาคจะมีรูปแบบการออกแบบที่แตกต่างกัน เช่น เกบาย่าชวาจะเรียบง่าย ส่วนเกบาย่าบาหลีจะมีสีสันสดใสสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม.
การสวมใส่:
เครื่องแต่งกายประจำชาติและระดับภูมิภาคจะถูกสวมใส่ในโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่งงาน พิธีการ การแสดงดนตรี การเข้าร่วมกิจกรรมของรัฐบาล และโอกาสทางการอื่นๆ.
ในปัจจุบัน ชุดเคบายายังคงมีบทบาทสำคัญในสังคมอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในโอกาสที่ต้องการเน้นความเป็นทางการหรือเอกลักษณ์ของชาติ
อาหารของประเทศอินโดนีเซีย

กาโด-กาโด (อินโดนีเซีย: gado-gado) หรือ โลเต็ก (ชวา: lotèk) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผัก ทั้งผักสด ผักต้ม และผักลวก และธัญพืชหลายชนิด ราดด้วยซอสที่ทำจากถั่ว[1] ทั้งแคร์รอต มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว ถั่วฝักยาว ขนุนอ่อน ผักกาดหอม นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ และไข่ต้มสุก และกินกับข้าวเกรียบทอดหลายชนิด เช่น กรูปุก ซึ่งเป็นข้าวเกรียบกุ้งหรือปลา เอิมปิง เป็นข้าวเกรียบใส่เมล็ดของผักเหมียง หรือจะกินกับเต็มเปทอด หรือข้าวต้มแบบลนตงก็ได้ รับประทานกับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ ซึ่งประกอบด้วย กะปิ ถั่วลิสงบด กะทิ น้ำตาลโตนด พริกแดง กระเทียม กะทิ มะขามเปียก คำว่ากาโดในภาษาอินโดนีเซียแปลว่ายำ
กาโด-กาโดมีความหลากหลายในแต่ละท้องที่ ในซูราบายาเรียกว่า "กาโด-กาโดซีรัม" ซึ่งจะราดน้ำซอสลงไปบนเครื่องปรุงอื่น ในบันดุงและโบโกร์จะเคล้าน้ำซอสให้เข้ากับเครื่องปรุงก่อนเสิร์ฟ ในจาการ์ตาเรียกว่า "กาโด-กาโดโบโปล" ใช้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์แทนถั่วลิสง โดยมากน้ำราดจะเป็นน้ำกะทิใส่พริกสดโขลกละเอียดและถั่วลิสงบด ราดลงบนผักต้ม มีรสชาติหวานเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย
ในประเทศไทยมีอาหารที่ใกล้เคียงกับกาโด-กาโดคือขนมจีนน้ำพริก อาจเป็นไปได้ว่าอาจได้รับอิทธิพลจากกาโด-กาโดมา โดยช่างแกงชาววังได้ปรุงแต่งให้กลิ่นรสตามอย่างอาหารไทยคือเติมกลิ่นมะกรูด ใช้การใส่ถั่วทองคั่วบดหยาบเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส และพริกป่นเพื่อเพิ่มสีสันของอาหารให้น่ารับประทาน
สัตว์ของประเทศอินโดนีเซีย

สัตว์ประจำชาติของประเทศอินโดนีเซีย คือ มังกรโคโมโด (Komodo Dragon) ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถพบเห็นได้เฉพาะบนเกาะโคโมโดในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น.
ดอกไม้ของประเทศอินโดนีเซีย

ดอกไม้ประจำชาติของอินโดนีเซียคือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) หรือ Phalaenopsis amabilis. ดอกกล้วยไม้ราตรีเป็นกล้วยไม้สายพันธุ์พิเศษที่มีความสวยงามและบานได้นาน โดยช่อดอกสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน. นอกจากนี้ ดอกกล้วยไม้ราตรียังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศชื้น ซึ่งพบได้ทั่วไปในอินโดนีเซีย.
เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย

เขตเมืองหลวงพิเศษ เขตเมืองหลวงพิเศษจาการ์ตา Daerah Khusus Ibukota Jakarta. ตามเข็มนาฬิกาจากบน: ตึกระฟ้า จาการ์ตา CBD; ทำเนียบเมอร์เดกา; สนามกีฬาหลักเกอโลราบุงการ์โน; โมนัซ; พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จาการ์ตา; พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินโดนีเซีย และวันปลอดรถที่บุนดารัน HI