ประเทศสิงคโปร์

ความเป็นมาของประเทศสิงคโปร์
ความเป็นมาของสิงคโปร์มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 โดยชาวจีนเรียกเกาะนี้ว่า "พู เลา ชุง" (เกาะปลายคาบสมุทร) จนกระทั่งศตวรรษที่ 14 ได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัยและรู้จักในนาม "เทมาเส็ก" (เมืองแห่งทะเล) ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 14 เจ้าชายแห่งศรีวิชัยได้เปลี่ยนชื่อเกาะเป็น "สิงหปุระ" (เมืองสิงโต) ตามตำนาน. หลังจากนั้น สิงคโปร์ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของหลายอาณาจักร รวมถึงอาณาจักรมัชปาหิตแห่งชวา ราชอาณาจักรสยาม และโปรตุเกส. ในช่วงศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ในฐานะจุดแวะพักและศูนย์กลางทางการค้า. สิงคโปร์ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี พ.ศ. 2506 และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมลายา (มาเลเซีย) ในปี พ.ศ. 2506. อย่างไรก็ตาม ด้วยความขัดแย้งทางสังคมและชาติพันธุ์ สิงคโปร์ได้แยกตัวออกจากมาเลเซียและประกาศเป็นเอกราชในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2508 ในฐานะ "สาธารณรัฐสิงคโปร์". ตั้งแต่นั้นมา สิงคโปร์ได้มุ่งมั่นพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่สูง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต การพัฒนาที่ดิน และการลงทุนด้านการศึกษาอย่างเข้มข้น.
1.การแต่งกายของประเทศสิงคโปร์

สิงคโปร์ไม่มีชุดประจำชาติที่เป็นทางการของตัวเอง เนื่องจากมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม แต่ละเชื้อชาติ เช่น จีน มาเลย์ อินเดีย และชาวยุโรป มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง อย่างไรก็ตาม ชุดที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายคือ บาจูกูรุง (Baju Kurung) ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของชาวมาเลย์
รายละเอียดเพิ่มเติม:
บาจูกูรุง:
เป็นชุดที่หลวมๆ สวมใส่สบาย เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของสิงคโปร์ ประกอบด้วยเสื้อแขนยาวและกระโปรงยาว
การปรับเปลี่ยน:
ชุดบาจูกูรุงได้รับความนิยมและถูกนำมาปรับใช้โดยสตรีชาวจีน อินเดีย และยูเรเซียมากขึ้นเรื่อยๆ
การแต่งกายในชีวิตประจำวัน:
โดยทั่วไปแล้ว ชาวสิงคโปร์นิยมแต่งกายแบบตะวันตกที่เน้นความสบายและระบายอากาศได้ดี เช่น เสื้อยืด กางเกงขาสั้น หรือชุดเดรส
การแต่งกายในโอกาสพิเศษ:
ในโอกาสสำคัญ เช่น งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงที่เป็นทางการ ผู้ชายมักสวมสูทและผูกเนคไท ส่วนผู้หญิงจะสวมชุดที่เป็นทางการ
ข้อควรพิจารณา:
ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน ที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อรับมือกับสภาพอากาศร้อนชื้น
แฟชั่น:
แม้ว่าจะไม่มีชุดประจำชาติ แต่ชาวสิงคโปร์ก็ให้ความสำคัญกับแฟชั่นและการแต่งกายที่ทันสมัยและสะท้อนความเป็นตัวตน
อาหารของประเทศสิงคโปร์

ปูผัดพริก (อังกฤษ: Chilli crab) เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ นิยมใช้ปูทะเลชนิดที่เรียกปูศรีลังกาแต่ใช้ปูชนิดอื่นแทนได้[1] นำมาผัดกับ กระเทียม หอมแดง ขิง ปรุงรสด้วยซอสพริก ซอสมะเขือเทศ น้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ และน้ำมันงา ใส่ไข่และแป้งข้าวโพดให้ข้น รับประทานกับหมั่นโถวทอดหรือข้าว
สัตว์ของประเทศสิงคโปร์

สัตว์ประจำชาติของสิงคโปร์คือ สิงโต. แม้ว่าจะไม่มีรายงานการพบสิงโตในธรรมชาติของสิงคโปร์ แต่ชื่อ "สิงคโปร์" มีรากศัพท์มาจากคำว่า "สิงหปุระ" ในภาษาสันสกฤต ซึ่งหมายถึง "เมืองแห่งสิงโต".
ดอกไม้ของประเทศสิงคโปร์

ดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์คือ ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นดอกไม้ประจำชาติในปี 1981 ดอกกล้วยไม้ชนิดนี้มีสีม่วงสดสวยงามและบานสะพรั่งตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของความหลากหลายและความเป็นเอกลักษณ์ของสิงคโปร์
เมืองหลวงของประเทศสิงคโปร์

เมืองหลวงของประเทศสิงคโปร์ก็คือ สิงคโปร์ นั่นเอง สิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นเกาะและเป็น นครรัฐ ซึ่งหมายความว่าทั้งประเทศและเมืองหลวงใช้ชื่อเดียวกันคือสิงคโปร์.