ประเทศมาเลเซีย

ความเป็นมาของประเทศมาเลเซีย
มาเลเซียเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทยทางทิศใต้ ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคคือช่องแคบมะละกา (Straits of Malacca) ซึ่งเป็นทางผ่านของเส้นทางการคมนาคมและการค้ามาแต่สมัยโบราณ ประวัติศาสตร์มาเลเซียเริ่มต้นเมื่อชาวโพรโต-มาเลย์ (Proto-Malay) อพยพมาถึงดินแดนประเทศมาเลเซียจากทางทะเล จากนั้นอารยธรรมอินเดียได้แผ่ขยายมาถึงแหลมมลายู กำเนิดเป็นรัฐโบราณต่าง ๆ ซึ่งนับถือพระพุทธศาสนามหายานและศาสนาฮินดู กลุ่มอำนาจที่สำคัญในสมัยโบราณคืออาณาจักรศรีวิชัยซึ่งเป็นศูนย์รวมของเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ทั่วภูมิภาค การติดต่อทางการค้ากับชาวอาหรับ อินเดีย และเปอร์เซียทำให้ศาสนาอิสลามเผยแพร่มาสู่ดินแดนประเทศมาเลเซียในสมัยต่อมา ชนชั้นผู้ปกครองเจ้าผู้ครองอำนาจในมาเลเซียจึงหันมารับนับถือศาสนาอิสลาม ดำรงตำแหน่งเป็นสุลต่าน ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 รัฐสุลต่านมะละกา (Malacca Sultanate) เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมในโลกทัศน์ของชาวมลายู ในเวลาเดียวกันนักสำรวจชาวยุโรปมาถึงยังดินแดนภูมิภาคนี้ นำไปสู่การเผชิญหน้าทางการทหารและชาวโปรตุเกสเข้ายึดเมืองมะละกาได้ใน ค.ศ. 1511 เมื่อรัฐมะละกาล่มสลายศูนย์กลางทางการเมืองของมลายูจึงย้ายไปอยู่ที่รัฐสุลต่านยะโฮร์ (Johor Sultanate) ในขณะที่รัฐต่าง ๆ ในภาคเหนือของมลายูเช่นไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสยามอาณาจักรอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ในสมัยต่อมาชาวฮอลันดาเข้ามามีอำนาจแทนที่ชาวโปรตุเกส ต่อตามมาด้วยชาวอังกฤษ นำไปสู่สนธิสัญญาอังกฤษ-ฮอลันดาปี ค.ศ. 1824 (Anglo-Dutch Treaty of 1824) แบ่งเขตอิทธิพลระหว่างสองอำนาจ ดินแดนส่วนของอังกฤษที่มาจากสนธิสัญญานี้จะกลายเป็นประเทศมาเลเซียในที่สุด อังกฤษจัดตั้งอาณานิคมขึ้นที่สิงคโปร์และปีนัง เรียกว่า อาณานิคมช่องแคบ (Straits Settlements) ใน ค.ศ. 1895 รัฐทั้งสี่รัฐได้แก่ปะหัง เปรัก เซอลาโงร์ และเนอเกอรีเซิมบีลัน ทำสนธิรัญญายินยอมเข้าเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ นำไปสู่การจัดตั้งสหพันธรัฐมลายู (Federated Malay States) และอาณานิคมมลายาของอังกฤษ (British Malaya) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐทั้งสี่ได้แก่ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส เข้ามาอยู่ในอิทธิพลของอังกฤษ
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองอาณานิคมมลายาของอังกฤษเป็นเวลาชั่วคราว หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองอังกฤษเข้ามาพยายามฟื้นฟูระบอบการปกครองของอาณานิคมตามเดิม แต่เกิดกระแสชาตินิยมขึ้นนำไปสู่การปะทะทางทหารเพื่อปลดแอกมาเลเซียจากอังกฤษเรียกว่า ภาวะฉุกเฉินมลายา (Malayan Emergency) ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (Malayan Communist Party) เป็นแกนนำหลักในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราช แม้ว่าอังกฤษจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่มาเลเซียก็ได้รับเอกราชในที่สุดในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 ประเทศมาเลเซียก่อตั้งขึ้นภายใต้ผู้นำตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (Tunku Abdul Rahman) ความพยายามของอาณานิคมบอร์เนียวเหนือซึ่งประกอบด้วยซาบะฮ์และซาราวักในการที่จะเข้าร่วมกับประเทศมาเลเซียนำไปสู่สงครามระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย (Konfrontasi) มาเลเซียชนะสงครามและสามารถผนวกเอาดินแดนภาคเหนือของเกาะบอร์เนียวมารวมเข้ากับประเทศมาเลเซียได้สำเร็จ ความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวมลายูกับชาวจีนนำไปสู่การขับสิงคโปร์ออกจากประเทศมาเลเซียใน ค.ศ. 1965 นายกรัฐมนตรีอับดุลระฮ์มันออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ ภูมิบุตร (Bumiputera) หรือชาวมลายูท้องถิ่นดั้งเดิม ในสมัยของนายกรัฐมนตรีมาฮาดีร์ บิน โมฮามัด เศรษฐกิจของมาเลเซียเจริญเติบโตขึ้น
1.การแต่งกายของประเทศมาเลเซีย

การแต่งกายประจำชาติของมาเลเซียประกอบด้วย บาจูมลายู (Baju Melayu) สำหรับผู้ชาย และ บาจูกุรุง (Baju Kurung) สำหรับผู้หญิง。
บาจูมลายู (Baju Melayu): เป็นชุดประจำชาติสำหรับผู้ชาย ประกอบด้วยเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ทำจากผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือโพลีเอสเตอร์ที่มีส่วนผสมของผ้าฝ้าย มักมีผ้าคาดทับเอว และสวมหมวกแบบมุสลิมที่เรียกว่า "ซอเกาะ"。
บาจูกุรุง (Baju Kurung): เป็นชุดประจำชาติสำหรับผู้หญิง ประกอบด้วยเสื้อคลุมแขนยาวและกระโปรงยาว บางครั้งมีผ้าคล้องคอ。สำหรับผู้หญิงมุสลิมที่เคร่งครัด อาจสวมชุดยาวแขนยาวคลุมเท้าและปิดมิดชิด รวมถึงการใช้ผ้าคลุมผม ( tudung)。
อาหารของประเทศมาเลเซีย

นาซีเลอมัก (มลายู: nasi lemak) หรือที่ในภาษามลายูปัตตานีเรียกว่า นาซิ ลือเมาะ และที่ในบางครั้งเรียกเป็นภาษาไทยว่า ข้าวมันมลายู เป็นข้าวเจ้าหุงกับกะทิ ซึ่งพบในมาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ หมู่เกาะรีเยาของอินโดนีเซีย และภาคใต้ของไทย มาเลเซียกล่าวว่าอาหารชนิดนี้เป็นอาหารประจำชาติและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมาเลเซีย แม้ว่าจะมีการแพร่กระจายในบริเวณอื่น ๆ อาหารนี้เป็นคนละชนิดกับนาซีดากัง (นาซิ ดาแกฺ) ซึ่งเป็นที่นิยมทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู คือกลันตันและตรังกานู แต่ทั้งนาซีเลอมักและนาซีดากังก็เป็นอาหารเช้าที่แพร่หลาย
สัตว์ของประเทศมาเลเซีย

สัตว์ประจำชาติของประเทศมาเลเซีย คือ เสือโคร่งมลายู (Malayan Tiger). เสือชนิดนี้ถูกเลือกให้เป็นสัตว์ประจำชาติเนื่องจากมีปรากฏในตราสัญลักษณ์ของประเทศ และเป็นสัญลักษณ์แทนความกล้าหาญและความแข็งแกร่งของชาวมาเลเซีย. เสือโคร่งมลายูเป็นสายพันธุ์ที่พบได้ในป่าดิบชื้นทางตอนกลางและตอนใต้ของมาเลเซีย.
ดอกไม้ของประเทศมาเลเซีย

สำหรับประเทศมาเลเซียนั้น มีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) ในภาษาท้องถิ่น เรียกกันว่า บุหงารายอ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดอกชบาสีแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นสีแดง มีเกสรยื่นยาว ออกมาเหนือดอก ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความ อดทนในชาติ
เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย

กัวลาลัมเปอร์ เริ่มก่อร่างขึ้นในปี ค.ศ. 1857 ในฐานะชุมชนเล็กๆ ที่เกิดจากการขุดพบแร่ดีบุก และได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1957) กัวลาลัมเปอร์ได้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศมาเลเซียหลังได้รับเอกราช. ชื่อ "กัวลาลัมเปอร์" มีความหมายว่า "จุดบรรจบของโคลน" เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำกลัง (Sungai Klang) และแม่น้ำกอมบัก (Sungai Gombak) ไหลมาบรรจบกัน. แม้ปัจจุบันศูนย์กลางการปกครองจะย้ายไปที่ปุตราจายา แต่กัวลาลัมเปอร์ยังคงเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การคมนาคม และวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ.